วันนี้แก้มทำพิซซ่าเป็นอาหารมื้อกลางวันค่ะ
เตรียมการตั้งแต่เมื่อวานนี้เลย
ไปเห็นเห็ด pioppini เข้า แล้วทำให้นึกถึงหน้าพิซซ่าขึ้นมา
พอดีมีร้านบาร์พิซซ่าร้านนึง ทำพิซซ่าหน้านี้ขายค่ะ
แก้มก็ชอบมาก ก็เลยจะลองทำดูบ้าง
แต่ทำแบบขนมปังฟอคคาเชียสไตล์ ก็คือตัวแป้งจะหนานุ่มนิดนึงค่ะ
อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้นั่นคือ หินอบพิซซ่าค่ะ
มันส่งผลและให้ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยนะคะ
ข้อหนึ่ง ชีสมอสซาเรลล่าที่แก้มใช้นั้นเป็นแบบแช่น้ำ ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนแก้ม
หัดทำใหม่ๆ ยังไม่มีหินอบ สิ่งที่แก้มทำ คือหั่นชีสเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปวางบนถาด
หรือตะแกรงก่อนใช้งานจริง 1 ชม.ระหว่างนี้ก็หมั่นใช้กระดาษซับน้ำที่ซึมออกมาด้วย
อันนี้เพื่อเลี่ยงปัญหาตอนอบสำหรับน้ำเจิ่งนองบนหน้าพิซซ่า / แต่มันช่วยได้แค่เล็กน้อย
เท่านั้นเอง ปัญหาคือเตาของเราร้อนไม่พออ่ะค่ะ เตาที่บ้านร้อนจริงๆ ได้เพียง 250-280 °C
เท่านั้นเอง
แต่ตามร้านที่เค้าทำขาย เค้าจะไม่เจอปัญหานี้ค่ะ ที่อบพิซซ่าออกมาแล้วน้ำเจิ่งนอง
แก้มจำได้ว่าตอนนั้นไปกินพิซซ่าร้านไหน จะเข้าไปสังเกตสังกาใกล้ๆ ตรงมุมที่เขาทำพิซซ่า
ว่าพิซซ่าที่เขาทำ ไอ้ชีสเค้านี่มันแช่น้ำเหมือนเรามั้ยนะ บางร้านแค่ฝานๆ ชีส วางใส่
บางร้านหั่นซอยๆ แก้มก็ลองเหมือนเค้านะ 5555
แต่ยังคงจบลงที่เจิ่งนองบ่อยๆ และรสชาติมัน.....ก็ดี แต่ไม่ประทับใจ
หลายปีก่อนที่ยังไม่ได้ซื้อหินมาอบขนมปังและพิซซ่าแก้มใช้วิธีเอาถาดใส่เตาไว้รอให้
ถาดร้อน ค่อยยกพิซซ่าใส่ถาดร้อนๆ แล้วเข้าไปอบ
ก็พอช่วยได้บ้างแต่ยังไม่ 100%
เคยไปยืนคุยกับคนทำพิซซ่า เขาว่าเตาที่เค้าใช้อบร้อนถึง 400 องศาเชียวล่ะ
นั่นทำให้พิซซ่าที่เค้าโยนใส่เตา ประมาณเพียง 5 นาทีแค่นั้นก็สุก พร้อมเสริ์ฟแล้วล่ะ
เป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง ชีสละลายกำลังดีน่าทาน
ไม่ไหม้จนเกินไปแล้วปัญหาน้ำท่วมพิซซ่าก็ไม่เกิดขึ้นนะคะ
ถ้าอบเตาความร้อนบ้านๆ ธรรมดา เวลาที่หน้าพิซซ่าสวยกำลังดี กำลังน่ากินเหมือนที่ร้าน
แต่เราจำต้องอบต่อไปค่ะ เพราะตรงก้นด้านล่างเค้าไม่สุก
ปกติอบแบบใส่ถาดธรรมดา ก็กินเวลาไป 20-25 นาทีเชียวค่ะ
ถ้าจะให้ก้นสุก ๆ สีเหลืองทองหน่อย
หน้าพิซซ่าก็เข้มมากเลยคำว่าน่ารับประทานไปเสียแล้ว
แต่ถ้าให้หน้าสวยน่าทาน ก้นก็ยังขาวๆ และยังไม่สุกดี
ทำให้ในที่สุดแก้มหาซื้อหินอบพิซซ่าจนได้
ตอนนี้ที่อิตาลีหาซื้อไม่ยากเหมือน 5-6 ปีก่อนแล้ว
ตอนนั้นไม่มีขายค่ะ เห็นมีขายในอเมริกา แต่การส่งหินหนักๆ มาอิตาลี
ค่าส่งโหดร้ายมาก ในที่สุดก็เจอร้านๆ หนึ่งในเยอรมัน
สั่งมาจนได้ในที่สุดค่ะ
หลังจากนั้นชีวิตดีขึ้นทันที พิซซ่าสุตรเดียวกัน แต่รสชาติดีขึ้นมากๆ เชียวล่ะ
หน้าตาเหมือนที่ร้าน เผลอๆ อรอ่ยกว่าบางร้านเสียอีกน้าา
ชีสละลายกำลังดี ไม่เจิ่งนอง ^^
เพราะฉะนั้นอย่ารอช้าน้า ใครชอบพิซซ่าทำเองที่บ้านมากๆ ควรมีไว้ในครอบครองค่ะ
โม้มาเพลินเลย มาดูสูตรขนมปังฟอคคาเชียหน้าพิซซ่าของแก้มกันดีกว่าค่ะ
ก่อนอื่นลงมือผสมแป้งกันก่อนเลยจ้ะ
แป้งขนมปัง 500 กรัม
แอ็คทีฟดรายยีสต์ 7 กรัม
น้ำตาลทราย 5 กรัม
เกลือทะเล 10 กรัม
น้ำอุ่น 290 มล.
น้ำมันมะกอกอย่างดี 80 มล.
นำทุกอย่างผสมรวมกันแล้วใช้เครื่องหรือมือนวดโดว์จนเนียนนุ่มมือค่ะ
เสร็จแล้วพักไว้ในอ่างหรือชามแก้วขนาดใหญ่ คลุมด้วยพลาสติกแร็ปแล้ว
แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ 1 คืนค่ะ
สำหรับซอสมะเขือเทศ
น้ำมันมะกอก 1 ชต.
กระเทียม 2 กลีบ
ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 400 มล.
น้ำตาลทราย 1 ชต.
เกลือ 1/4 ชช.
ออริกาโนตามชอบ
ใส่ทุกอย่างรวมกันบนหม้อ เคี่ยวประมาณ 5- 8 นาที
พักไว้ให้เย็นก่อนใช้ค่ะ
สำหรับหน้าไส้กรอกและเห็ด
น้ำมันมะกอก 1 ชต.
กระเทียมสับ 2-3 กลีบ
ใบพาร์สลีย์สับ 1 กำมือ
ไส้กรอกอิตาเลียน 3 อัน
เห็ด 250 กรัม
เกลือ / พริกไทย
ผัดกระเทียมกับพาร์สลีย์กับน้ำมันมะกอก
พอเริ่มโชยกลิ่นหอม ใส่ไส้กรอกอิตาเลียนบิเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไป
ผัดพอสุก ใส่เห็ด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
เคล้าให้เข้ากันแล้วปิดไฟยกลงค่ะ
เช้าวันถัดมาก่อนเริ่มจะเกลี่ยโดว์ลงถาด
ให้เริ่มวอร์มเตาอบพร้อมหินอบพิซซ่า
ควรวอร์มก่อนประมาณ 1 ชม.
ให้อุณหภูมิที่เตาได้ 280 องศาเซลเซียส
ระหว่างนี้หินจะร้อนมากๆ ค่ะ
นำกระดาษพาร์ชเม้นต์ปูลงบนถาด ใส่น้ำมันมะกอกไปประมาณ 1-2 ชต.
แล้วชะโลมให้ทั่วๆ ถาดค่ะ
เทโดว์ออกจากอ่าง ไม่ต้อ้งตบไล่ลมอะไรออกนะคะ
ค่อยๆใช้ปลายนิ้วของเราที่มีน้ำมันติดมือบางๆ เกลี่ยๆ ให้ทั่วถาดค่ะ
เสร็จแล้วก็พักไว้ให้โดว์ขึ้นอีกหน่อย ทิ้งไว้สัก 30 นาที - 1 ชม.
จากนั้นใช้ปลายนิ้วที่ชุ่มน้ำมัน เกลี่ยขนมปังออกไปให้เต็มๆ ถาดอีกครั้ง
แล้วใช้ปลายนิ้วกดลงไปที่โดว์ให้ทั่วๆ เว้นระยะห่างบ้างค่ะ
ทาซอสมะเขือเทศให้ทั่วๆ (แก้มใช้ไม่หมดนะคะ)
โรยมอซซาเรลล่าลงไปให้ทั่ว
แก้มใช้ทั้งหมดประมาณ 3 ก้อนค่ะ ประมาณ 400 กรัม
ตามด้วยหน้าไส้กรอกและเห็ดที่เตรียมไว้
ใช้ไม้พายตักพิซซ่าพร้อมกระดาษยกไปวางบนหินพิซซ่าในเตาอบอ่ะ
อบประมาณ 10-12 นาทีเท่านั้นค่ะ
เนื้อขนมปังนุ่มเหนียว ก้นสุกเหลืองดี หน้าไม่ไหม้จนเกินไป
ดูเนื้อขนมปังใกล้ๆ น้า
อร่อยๆ นะคะ
Comments
Post a Comment
Bake with heart